วันพุธ ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2566, 15.50 น.
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 25 ม.ค.66 น.ส.เณาวรัตน์ อายุ 48 ปี อยู่หมู่ 3 ต.บางตะเคียน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เข้าร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่าได้โอนเงินผิดบัญชี แต่เจ้าของบัญชีที่โอนเงินผิดกับท้าทายให้แจ้งความ
โดย น.ส.เณาวรัตน์ กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.65 เวลา 13.50 น.ตนต้องการโอนเงินค่าชำระสินค้าตู้กระจกจำนวน 30,000 บาทไปยังบัญชีธนาคารแห่งหนึ่งของนางสอน (ขอสงวนนามสกุล) ที่สาขาบางขุนเทียน แต่ได้กดหมายเลขผิดไปเข้าบัญชีของ น.ส.นภัค (ขอสงวนนามสกุล) ชาว จ.พะเยา โดยไม่ได้ตรวจสอบ
จนกระทั่งเวลา 16.30 น.วันเดียวกัน นางสอน เจ้าของสินค้า ได้โทรศัพท์มาทวงถามค่าสินค้า ตนจึงตรวจสอบสลิปบัญชี พบว่าได้โอนผิดไปให้ น.ส.นภัค จึงได้รีบโทรแจ้งธนาคารสาขาที่โอนเงินผิดที่ อ.สองพี่น้อง เพื่อทำการอายัดบัญชี แต่ไม่ทัน ต่อมาวันที่ 4 ธ.ค.65 ตนได้รับหนังสือจากธนาคารฯ สำนักงานใหญ่ว่าไม่สามารถติดต่อกับเจ้าของบัญชีได้ทำให้ตนต้องหาข้อมูลจากเจ้าของบัญชีที่โอนผิดด้วยตนเอง จนทราบว่าเป็น น.ส.นภัค และได้ติดต่อกลับไปเพื่อขอเงินคืน แต่ได้รับการปฎิเสธ อ้างว่านำเงินไปปิดค่างวดรถหมดแล้วและยังท้าทายให้ไปแจ้งความ ตนจึงได้แจ้งความไว้ที่ สภ.บางตาเถร อ.สองพี่น้อง ในข้อหา ยักยอกทรัพย์ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ น.ส.นภัค ยังเพิกเฉย
น.ส.เณาวรัตน์ กล่าวต่อว่า ขอฝากเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์จะโอนเงินให้ใครควรดูชื่อเจ้าของบัญชีที่เราจะโอนก่อนว่าถูกต้องหรือไม่ แต่ตนมือไวไปหน่อยจึงโอนผิดบัญชีเพราะความรีบร้อน ส่วนเจ้าของบัญชีปลายทางที่ได้รับโอนเงิน ซึ่งไม่ใช่เงินของตัวเองควรมีจิตสำนึกและเช็คดูว่าเงินที่เข้าบัญชีมาจากไหนและนำไปใช้จนหมด แถมยังปฎิเสธความรับผิดชอบ พร้อมยังท้าทายถ้าอยากได้เงินคืนให้ไปแจ้งความ
“จริงๆแล้วธนาคารควรจะทำอะไรให้ไวกว่านี้ เช่น อายัดเงินในบัญชีที่เราโอนผิดไป ที่สำคัญเป็นการโอนผิดธนาคารเดียวกัน ทางธนาคารควรจะดำเนินการให้ไวกว่านี้ และล่าสุดทางพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือไปที่ธนาคารเพื่อขอตรวจสอบข้อมูลบัญชีเงินฝากและอายัดเงินของ น.ส.นภัค ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.65 จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการตอบรับจากธนาคารแต่อย่างใด” น.ส.เณาวรัตน์ กล่าว – 003