วันนี้ (8 พ.ย.65) กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจับกุม ผู้ต้องหาขบวนการจ้างวานกลับคำให้การฯ, ขบวนการค้ามนุษย์เครือข่ายนายหน้าฯและผู้ใช้บริการในลักษณะทารุณทางเพศ 3 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 จับกุมขบวนการจ้างพยานให้กลับคำให้การในคดีค้ามนุษย์
คดีนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่อัยการ ได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ที่ กก.5 บก.ปคม. ว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค.65 ที่ผ่านมา น.ส.บี (พยาน) ได้ขึ้นเบิกความในชั้นศาล และได้กลับคำให้การในสาระสำคัญ ซึ่งมีผลต่อการพิจารณาคดี และพบพยานหลักฐานบางอย่างที่สื่อให้เห็นว่า น.ส.บิ๋มฯ จำเลยในคดีค้ามนุษย์ คดีอาญาที่ 14/2563 ของ กก.5 บก.ปคม. และ น.ส.แป้งฯ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้ร่วมขบวนการจ้างล้มคดีค้ามนุษย์
ตำรวจ กก.5 บก.ปคม. จึงรับคำร้องทุกข์ และดำเนินการสืบสวนสอบสวน
ชุดสืบสวน ได้ลงพื้นที่ไปซักถาม น.ส.บี (พยาน) จนเธอรับสารภาพว่า ได้รับเงินค่าจ้างจำนวน 100,000 บาท จาก น.ส.บิ๋มฯ เป็นค่ากลับคำให้การในชั้นศาล เพื่อที่ น.ส.บิ๋มฯ จะได้พ้นจากความผิด ในฐานความผิดค้ามนุษย์ฯ โดย น.ส.บี (พยาน)
ต่อมา ชุดสืบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของ น.ส.บี (พยาน) จึงเชื่อได้ว่า ผู้ต้องหาได้มีการจ้างวานพยานให้กลับคำให้การในชั้นพิจารณาคดีของศาล เพื่อให้ผู้ต้องหาหลุดพ้นจากความผิดในชั้นพิจารณาคดี เมื่อวันที่ 22 ก.ย.65 พนักงานอัยการได้ยื่นรายงานสืบสวน และคำให้การของพยานต่อศาล ส่งผลให้ศาลมีคำสั่งให้ถอนประกัน น.ส.บิ๋มฯ พนักงานสอบสวน จึงได้ร้องขอต่อศาลออกหมายจับขบวนการดังกล่าว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมา วันที่ 7 พ.ย.65 ตำรวจได้ทำการสืบสวนทราบว่า น.ส.แป้งฯ อายุ 28 ปี ทำหน้าที่เป็นคนกลางติดต่อประสานงาน ได้หลบหนีมาอยู่ที่ ต.แม่ฮ้อยเงิน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ จึงได้ติดตามตัวมา เพื่อดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันขัดขวางการสืบสวน การสวบสวน การฟ้องร้อง หรือการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อมิให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยการให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้เสียหายหรือพยาน เพื่อให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความอันเป็นเท็จ หรือไม่ให้ข้อเท็จจริง หรือเบิกความในการดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิด” นำส่ง พงส.กก.5 บก.ปคม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหา ให้การภาคเสธ โดยจะขอให้การเกี่ยวกับรายละเอียดในชั้นศาล
กลุ่มที่ 2 จับกุมขบวนการค้ามนุษย์ เจ้าของโรงแรม ผันตัวเป็นนายหน้า นำเด็กอายุต่ำกว่า อายุ 18 ปี ค้าบริการทางเพศออนไลน์
คดีนี้สืบเนื่องจากการที่ กก.5 บก.ปคม. ได้เร่งรัด กวดขัน กวาดล้าง จับกุม การกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ในพื้นที่รับผิดชอบ และได้ทำการช่วยเหลือเหยื่อ อายุ 14-17 ปี จากการขายบริการทางเพศได้หลายราย ในหลายพื้นที่ ได้แก่ จ.สุพรรณบุรี, จ.ชัยนาท, จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.นครศรีธรรมราช นอกจากนี้ยังได้มีการขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับเครือข่ายผู้กระทำผิดทั้งระบบ จนสามารถดำเนินคดีค้ามนุษย์กับกลุ่มผู้ต้องหาได้จำนวน 6 คดี ผู้ต้องหา 10 คน และยังพบว่ามีกลุ่มผู้อาจถูกแสวงประโยชน์โดยมิชอบกว่า 10 ราย
จากการสืบสวนพบว่ามีกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่ง ใน จ.สุพรรณบุรี เปิดบริการโรงแรมบังหน้าแต่เบื้องหลังใช้โรงแรมดังกล่าว นำเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี มาขายบริการทางเพศ เก็บเงินค่าห้อง และค่าหัวคิวจากเด็ก ตำรวจ กก.5 บก.ปคม. จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่ามี นายนเรศ หรือ เทิงฯ ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมดังกล่าว มีพฤติกรรมขายบริการทางเพศเด็กมาเป็นเวลานาน ตามที่ได้รับข้อมูลมาจริง จึงได้เร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย
ต่อมา วันที่ 7 พ.ย.65 ตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนติดตามผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าวทั้งหมด 7 ราย ส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ได้แก่
– นายนเรศ หรือ เทิงฯ อายุ 33 ปี อยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี จากการซักถามนายนเรศฯ ให้การภาคเสธ และขอให้ไปให้การในชั้นศาลต่อไป
– น.ส.น้ำผึ้ง หรือ ผึ้งฯ อายุ 21 ปี อยู่ที่ จ.ชัยนาท จากการซักถาม น.ส.น้ำผึ้งฯ ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา
– น.ส.สุธีธิตา หรือ แจ๋มฯ อายุ 22 ปี อยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากการซักถาม ผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
– น.ส.เบญจรงค์ หรือ กุ้งฯ อายุ 30 ปี อยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี จากการซักถาม น.ส.เบญจรงค์ หรือกุ้งฯ ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา
– น.ส.ชนานันท์ หรือ เมย์ฯ อายุ 27 ปี อยู่ที่ จ.ชัยนาท จากการซักถาม น.ส.ชนานันท์ หรือเมย์ฯ ให้การ รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา
– น.ส.อรสา หรือ เปิ้ลฯ อายุ 48 ปี อยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช จากการซักถาม น.ส.อรสา หรือเปิ้ลฯ ให้การ ภาคเสธ และขอให้ไปให้การในชั้นศาลต่อไป
-น.ส.หนูพร หรือ พรฯ อายุ 50 ปี อยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช จากการซักถาม น.ส.หนูพร หรือพรฯ ให้การ ภาคเสธ และขอให้ไปให้การในชั้นศาลต่อไป
กลุ่มที่ 3 ขยายผลจับกุมนายหน้าค้าบริการทางเพศอำมหิต ลวงเด็ก 15 ปี ข่มขืนถ่ายคลิปแบล็คเมล เหยื่อแฉบังคับเสพยา ชักปืนขู่
คดีนี้สืบเนื่องจากการที่ ตำรวจ กก.5 บก.ปคม. ขยายผลจับกุมกลุ่มนายหน้าขายบริการทางเพศใน จ.กาญจนบุรี และช่วยเหลือ น.ส.เอ นามสมมติ อายุ 15 ปี (ผู้เสียหาย) จากการซักถามพบว่า มีนายสมทรง หรือ ตงฯ มีการกระทำในลักษณะบังคับ ข่มขู่ ขืนใจ โดยบังคับผู้เสียหายเสพยาเสพติดในปริมาณมาก มีการนำอาวุธปืนวางให้ผู้เสียหายเห็นจนเกิดความกลัวจนไม่กล้าขัดขืน และขณะที่ถูกข่มขืน นายสมทรง ได้แอบถ่ายคลิปไว้ และนำคลิปที่แอบถ่ายผู้เสียหาย ไปโพสต์ในโลกออนไลน์ นำมาโชว์ผู้เสียหาย นอกจากนี้ครอบครัวของ นายสมทรง ยังเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวจึงไม่กล้าบอกเรื่องดังกล่าวกับผู้ใด
เมื่อตำรวจ กก.5 บก.ปคม. ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่า นายสมทรง มีพฤติกรรมชอบซื้อบริการเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยใช้บ้านเป็นสถานที่ร่วมหลับนอน ให้เด็กเข้าไปในห้องนอน แล้วบังคับให้เสพยาจนเกินขนาด ขาดสติ และถ่ายคลิปขณะร่วมหลับนอน นำไปโพสต์ในโลกออนไลน์ ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นการทารุณเด็กโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย และอาจส่งผลให้เด็กเสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาดได้ จึงได้เร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายจับผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมา วันที่ 8 พ.ย.65 ตำรวจ บก.ปคม. ได้ทำการตรวจค้นบ้านพักของนายนายสมทรง ผลการตรวจค้น พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (คีตามีน) จำนวนหนึ่ง และอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ขนาด .45 จำนวน 20 นัด และยังพบอุปกรณ์กล้องถ่ายรูป สำหรับ การถ่ายทำคลิปวิดีโอ และได้ช่วยเหลือเด็กหญิงผู้เสียหายจำนวน 3 ราย อายุ 13 ปี 14 ปี และ 17 ปี
ซึ่งจากการสอบถามเด็กสาว ทั้ง 3 ราย ให้การตรงกันว่า นายสมทรง มีพฤติการณ์ บังคับให้เสพยาเสพติด และ มีการเรียกเด็กสาวทั้ง 3 ราย ผลัดกันไปมีเพศสัมพันธ์ และแอบตั้งกล้องถ่ายคลิปวิดีโอขณะมีเพศสัมพันธ์ และนำไปลงแอปพลิเคชั่นเพื่อเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ กองบังคับการบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ได้ควบคุมตัวนายสมทรง เพื่อดำเนินคดีตามหมายจับดังกล่าวและขยายผลเพื่อดำเนินคดีในฐานความผิด “พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย, พาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม และบังคับ ขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะ ลามกอนาจาร ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนหรือเพื่อการใด” และสำหรับความผิดในฐานอื่นนั้น จะได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีในฐานความผิดอื่น ต่อไป
ทั้งนี้ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยแก่พี่น้องประชาชนทั่วไป
1. ฝากเตือนผู้ที่คิดว่าจะเข้าไปเกี่ยวข้องในการขัดขวางช่วยเหลือผู้ต้องหา หรือจำเลยในคดีค้ามนุษย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการดังกล่าวที่เกี่ยวข้อง และจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดทุกราย เพื่อตัดวงจรการค้ามนุษย์ และสร้างสภาวะแวดล้อมที่ดีต่อเด็กและเยาวชนต่อไป
2. ฝากเตือนผู้ปกครอง ที่มีบุตรหลานเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ให้สังเกตพฤติกรรมของบุตรหลานว่ามีการใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยเกินตัว กว่าเงินที่ท่านมอบให้หรือไม่ และควรตรวจสอบการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของบุตรหลานว่ามีความผิดปกติ หรือไม่ ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เด็กหลงเข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์
3. ฝากเตือนผู้ซื้อบริการทางเพศ อย่าเพียงเพราะเห็นแก่ความสนุกชั่วครั้งชั่วคราว และคิดว่ากระทำไปแล้วไม่มีใครรู้หรือจับได้ ขอให้พึงระลึกเช่นกันว่าพยานหลักฐานการกระทำผิด จะยังคงอยู่ และสามารถนำกลับมาดำเนินคดีได้ในภายหลัง
4. ฝากเตือนผู้ที่คิดจะตั้งตัวเป็นโมเดลลิ่งหรือนายหน้าค้าบริการทางเพศเด็ก เพียงเพราะเห็น