อุณหภูมิแวดวง “สีกากี” ชั่วโมงนี้ ต้องบอกว่า “เดือดปุดๆ”
ชนิดทะลุปรอท!!!
เพราะหลายเรื่อง หลายราวที่เกิดขึ้นภายในรั้ว “กรมปทุมวัน” ตอนนี้ ล้วนร้อนระอุ ทั้งการห้ำหั่น ขบเหลี่ยมกันชนิด “ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ” หรือการออฟไซด์เกินหน้าที่
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจับหลงจู๊สมชาย เจ้าของบ่อนพนันรายใหญ่พื้นที่ภาค 2 ที่เชื่อมโยงไปถึงตำรวจระดับ “บิ๊ก” เข้าไปเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม
มิหนำซ้ำผลตรวจสอบชุด “ชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ” ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำความผิด กรณีสถานที่เล่นการพนันเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ถูกส่งถึงมือนายกฯ บ่อนพนันในพื้นที่ จ.ระยอง 2 แห่ง มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกว่า 10 คน ทั้งตำรวจและฝ่ายปกครอง
หรือเรื่องการจับกุม “โหม่ง” สิทธิพงษ์ จ่าสอาด มือลั่นไกยิง “หมวดโย่ง” ร.ต.ต.ชาญวิทย์ ดิษฐ์เจริญ รอง สว.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี เสียชีวิตในปั๊มน้ำมัน ปตท.สวนแตง ถนนมาลัยแมน ต.สวนแตง อ.เมืองสุพรรณบุรี และมาจนมุมภายในห้องเช่าชั้นสองของอาคารพาณิชย์เลขที่ 4/283 หมู่ 10 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
ก็มีการขบเหลี่ยมกันขึ้น ชนิดระดับ “บิ๊ก” มีตำแหน่งสูงกว่าควันออกหูไม่สบอารมณ์ “บิ๊ก” ที่มีตำแหน่งน้อยกว่า หรือเรื่องการส่งหนังสือเน้นย้ำให้ บช.ภาค 6 ส่งรายชื่อตำรวจเพื่อแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน คดียาเสพติด
ซึ่งมีชื่อนายตำรวจระดับ “พล.ต.ท.” และ “พ.ต.อ.” เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
หรือเรื่องที่มีความบกพร่องของโรงพักที่ปล่อยให้แก๊ง 3 นิ้ว มาติดป้ายปฏิรูปสถาบันทับป้ายโรงพัก จนกระทั่งผู้บังคับบัญชาต้องโกนหัวเพื่อธำรงวินัยตัวเอง
ก็ถูกมองในทำนองออฟไซด์เกินงาม
ที่สำคัญว่ากันว่าทุกเรื่องร้อนๆ เหล่านี้ จะเชื่อมโยงเห็นผลในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับ “นายพล” นอกวาระเดือนเมษายน
แม้ตามธรรมเนียมปฏิบัติ การแต่งตั้งวาระเมษา ส่วนใหญ่จะเป็นการให้โบนัสตำรวจใกล้เกษียณที่เหลืออายุราชการอีกเพียง 6 เดือนข้างหน้า ได้ขยับยศ ขยับตำแหน่งสูงขึ้น เป็นรางวัลชีวิตสำหรับการรับราชการตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
แต่ครั้งนี้อาจจะมีสอดแทรกแต่งตั้งโยกย้ายระดับ “ผู้กำกับการ” ระดับ “ผู้บัญชาการ” พ้นเก้าอี้เกรดเอ เกรดบีบวก ไปอยู่เก้าอี้เกรดซี
สังเวยเรื่องร้อนๆ ที่เกิดขึ้น.