สมาคมกีฬาฟุตบอลยอมรับผู้ตัดสินทำหน้าที่ผิดพลาด 2 กรณี โดย อ.ปรีชา กางรัมย์ หัวหน้าผู้ตัดสินฯ ยืนยันต้องเป็นแฮนด์บอล “ดิเกา” และบุรีรัมย์ ต้องเสียจุดโทษให้สุพรรณบุรีฯ ขณะที่เคสที่ 2 ชี้แจงชัด เชิ้ตดำแจกจุดโทษให้เมืองทองฯ ผิดพลาด พร้อมเรียกคณะเชิ้ตดำประชุมเป็นการด่วน หวังเหตุการณ์นี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ปล่อยรายการ The Referee Review ซึ่งเป็นรายการที่จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับกติกาการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ไขข้อข้องใจ ผ่านคลิปวีดีโอต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงในการแข่งขันผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก Referee Thailand โดยมี วรงค์ ทิวทัศน์ เลขานุการฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด เป็นผู้ดำเนินรายการ และแขกรับเชิญคือ อ.ปรีชา กางรัมย์ กรรมการคณะผู้ตัดสิน และหัวหน้าวิทยากรด้านเทคนิค
โดยรายกายดังกล่าวชื่อตอนว่า EP.1 “Laws of the Game” ได้หยิบเอาเคสที่เป็นประเด็นในไทยลีกที่ผู้ตัดสินทำหน้าที่ผิดพลาดมาวิเคราะห์ จนได้บทสรุป 2 กรณี โดยกรณีแรก อ.ปรีชา กางรัมย์ ยืนยันว่า เกมคู่ระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบ สุพรรณบุรี มีจังหวะที่ลูกฟุตบอลสัมผัสโดนแขนของ ดิเกา กองหลังของบุรีรัมย์ แต่ผู้ตัดสิน วรินทร สัสดี ไม่ให้ลูกจุดโทษกับ สุพรรณบุรี ซึ่งลูกนี้จะต้องเป็นแฮนด์บอลและลูกจุดโทษ
อ.ปรีชา กางรัมย์ ชี้แจงว่า “โดยกติกาได้มีการแบ่งแยกชัดเจนว่า ส่วนไหนที่เป็นแขน ส่วนไหนที่เป็นหัวไหล่ ซึ่งปัจจุบันชัดเจนมาก และในกรณีนี้ ดิเกา มีการสัมผัสของลูกฟุตบอลโดนบริเวณแขน (ใต้รักแร้ลงมา) ซึ่งในตอนแรก ดิเกา เอาแขนไว้ด้านหลัง จากนั้นแขนได้เคลื่อนออกมาสัมผัสลูกฟุตบอลซึ่งเป็นการเจตนาอย่างชัดเจน โดยกติกาก็คือถ้ามีการสัมผัสแขนที่ทำให้ตัวเองร่างกายใหญ่ขึ้น ถือว่าเป็นการแฮนด์บอลแน่นอน”
“ส่วน VAR เป็นเพียงวีดีโอช่วยตัดสินเท่านั้น ไม่ใช่เป็นผู้ตัดสินและไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ ฉะนั้นการตัดสินใจอยู่ที่ผู้ตัดสินในสนามคนเดียวเท่านั้น ซึ่งเคสนี้ผู้ตัดสินได้ดูภาพจาก VAR แล้ว แต่กับพิจารณาส่วนตัวว่าไม่เป็นแฮนด์บอล”
ขณะที่กรณีที่ 2 เป็นเกมระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด พบ ชลบุรี เอฟซี โดยมีจังหวะที่ จูเนียร์ เอลด์สตอล กองหลังของชลบุรี เอฟซี เข้าแย่งบอลกับ กรวิชญ์ ทะสา ในเขตโทษ ซึ่งผู้ตัดสิน อนุสรณ์ หนูแก้ว ให้ลูกจุดโทษกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด
โดย อ.ปรีชา กางรัมย์ ชี้แจงว่า “จากภาพช้าเราจะเห็นว่าผู้เล่นของชลบุรี เขาได้มีการเตะไปที่ลูกฟุตบอลอย่างชัดเจน จุดประสงค์แรกคือเขาเตะที่ลูกบอล บอลเขาเตะไปแล้ว ก่อนจะไปถูกฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นปกติทั่วไป โดยลักษณะนี้ไม่ถือเป็นการทำผิดกติกาและไม่ควรเป็นลูกฟาล์วและไม่สมควรเป็นลูกจุดโทษ”
“ในส่วนของผู้ตัดสินอยู่ในตำแหน่งที่ผิด เพราะอยู่ด้านหลังทำให้เห็นเหตุการณ์ไม่ชัดเจน ขณะที่ VAR แจ้งว่าภาพไม่ชัด จึงไม่แทรกแซงผู้ตัดสิน แต่เมื่อผมเองดูคลิปแล้วก็เห็นทันทีว่าภาพชัดเจนดี โดยหลักการพิจารณาที่ถูกต้องหากเห็นไม่ชัดเจน คือ ดูว่าลูกฟุตบอลมีการเปลี่ยนทิศทางจากการเข้าสกัดหรือไม่ หากบอลเปลี่ยนทิศทางแสดงว่ามีการเข้าสกัดโดนลูกฟุตบอล แต่หากลูกฟุตบอลไม่เปลี่ยนทิศทาง แสดงว่าไม่มีการสัมผัสโดนลูกฟุตบอล”
ทั้งนี้จากทั้ง 2 กรณี อ.ปรีชา กางรัมย์ ได้มีการเรียกผู้ตัดสินมาร่วมประชุมอบรมเป็นการด่วน ซึ่งเปิดเผยด้วยว่าไม่ต้องการปล่อยให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีกไม่ได้แล้ว ต้องมีการปรับปรุงทั้งผู้ตัดสิน และแนวทางกฏกติกาให้ชัดเจน เนื่องจากแต่ละจังหวะเป็นจังหวะสำคัญชี้เป็นชี้ตายตัวแปรผลแพ้-ชนะของเกมคู่นั้น ๆ อีกด้วย อย่างไรก็ตาม อ.ปรีชา กางรัมย์ ไม่ได้พูดถึงบทลงโทษผู้ตัดสินที่ทำหน้าที่ผิดพลาดแต่อย่างใด