คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
เกาะติดตร.ล่าข้ามจว. – เพียงแค่ 2 วัน ตำรวจก็พิสูจน์ความเป็นมืออาชีพ ยืนยันคำขวัญ “ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้” ของพล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจได้เป็นอย่างดี
นาทีจนมุม
ช่วงสายวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ‘บิ๊กใหม่’ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พร้อมพล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.ภาค 7, พล.ต.ต.วิสิทธิ์ ศิริสหวัฒน์ ผบก.ศพฐ.7, พ.ต.อ.กฤศ จันทร์สว่าง ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี, พ.ต.ท.สอาด ดัดธุยวัตร์ รองผกก.สส., พ.ต.ท.ศาสตรา คงนาม รองผกก.ป. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี, กก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี, บก.สส.บช.ภาค 7 ร่วมแถลงข่าวการพิชิตคดีอุกฉกรรจ์ ที่สภ.เมืองสุพรรณบุรี
สืบเนื่องจากเมื่อกลางดึกวันที่ 7 ก.พ. เวลาประมาณ 00.10 น. ร.ต.อ.ณฐกฤษ พ่านเผือก รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งมีเหตุยิงกันภายใน ปั๊ม ปตท.สวนแตง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
จากนั้นเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมพล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี, พ.ต.อ.สมพร พุกหอม รองผบก. พ.ต.อ.กฤศ จันทร์สว่าง ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่พฐ. และอาสาสมัครสมาคมร่วมใจสวนแตง
ที่เกิดเหตุเป็นลานจอดรถหน้าศูนย์อาหารภายในปั๊มน้ำมัน พบหมวดโย่ง ร.ต.ต.ชาญวิทย์ ดิษฐ์เจริญ รองสว.สส.กก.สส.บก.ภ.จว.สุพรรณบุรี นอนจมกองเลือดหายใจรวยรินอยู่บนพื้นถนน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ท้ายทอย 1 นัด จึงรีบนำส่งร.พ.เจ้าพระยายมราช แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
หมวดโย่ง ร.ต.ต.ชาญวิทย์ ดิษฐ์เจริญ ผู้เสียชีวิต
ที่เกิดเหตุที่นั่งใต้ต้นไม้ พบขวดเหล้า โซดา น้ำแข็ง และกับแกล้ม วางทิ้งเอาไว้ และที่พื้นพบปลอกกระสุนปืน ขนาด .380 ตกอยู่ 1 ปลอก
‘บิ๊กใหม่’ รีบรุดลงพื้นที่ติดตามคดีทันที ก่อนระดมทุกสรรพกำลังของตำรวจ ภาค 7 แกะรอยไล่ล่าคนร้าย กระทั่งจับกุมตัวได้พร้อมของกลางทั้งหมด
พล.ต.อ.สุชาติเผยเบื้องหลังการปิดคดีอย่างรวดเร็วครั้งนี้ว่า ก่อนเกิดเหตุหมวดโย่งเสร็จจากปฏิบัติงานสายสืบนอกเครื่องแบบคดียิงลูกเจ้าของรีสอร์ต ในอ.ศรีประจันต์ จึงเข้าไปที่ปั๊มและพบกลุ่มวัยรุ่น 7-8 คน นั่งดื่มสุราหน้าห้องน้ำเปิดเพลงส่งเสียงดังรบกวน จึงเข้าไปตักเตือนเนื่องจากเป็นการมั่วสุมและฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้กลุ่มผู้ต้องหาไม่พอใจ
ในกลุ่มดังกล่าวมีนายสิทธิพงษ์ หรือ โม่ง จ่าสอาด อายุ 23 ปี ประวัติคดียาเสพติดและลักทรัพย์ และเพิ่งพ้นโทษมาเมื่อปี 2563 รวมอยู่ด้วย ซึ่งรู้จักกับหมวดโย่งเป็นอย่างดี เพราะเคยถูกตักเตือนเกี่ยวกับพฤติกรรมหลายครั้งเกิดความไม่พอใจ
วงจรปิดที่ท่ารถตู้
นายโม่งจึงย่องเข้าไปด้านหลังหมวดโย่ง ก่อนชักปืนจ่อยิงระยะเผาขน เมื่อผู้ตายล้มลงจมกองเลือด มือปืนและเพื่อนร่วมก๊วนเหล้า ต่างกระจายกันหลบหนีไปคนละทิศละทาง
หลังเจ้าหน้าที่ทราบเรื่องราวเบื้องหน้าเบื้องหลังทั้งหมด จึงกระจายกำลังออกสืบหาเบาะแส กระทั่งพบว่ากล้องวงจรปิดที่ท่ารถตู้สถานีขนส่งสุพรรณบุรีจับภาพนายโม่งไว้ได้ขณะกำลังหลบหนี
ตำรวจสืบสวนมือดีแกะรอยจนทราบว่า นายโม่งนั่งรถตู้โดยสารไปลงที่สถานีขนส่งสายใต้ ก่อนต่อรถไปยัง จ.สมุทรสาคร ซึ่งพบว่ามีเพื่อนของนายโม่งคนหนึ่งอาศัยอยู่ เจ้าหน้าที่จึงติดตามไปตรวจสอบ
จุดเกิดเหตุ
แม้จะคลาดกันหวุดหวิด แต่ก็ได้เบาะแสว่านายโม่งไปขอหยิบยืมเงินเพื่อนเป็นทุนในการใช้หลบหนีความผิด
เจ้าหน้าที่ประสานตำรวจทุกท้องที่ซึ่งคาดว่าอาจเป็นจุดต้องสงสัยว่านายโม่งจะหนีไปกบดาน
เพียงไม่กี่ชั่วโมง บช.ภาค 7 ร่วมกับกองปราบปราม กก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี แกะรอยจากกล้องวงจรปิด จนทราบว่านายโม่งหนีไปเช่าห้องพักในอ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จึงสนธิกำลังตำรวจบก.ภ.จว.ชลบุรี นำกำลังปิดล้อมจนจับกุมได้ในช่วงเที่ยงคืนวันที่ 8 ก.พ. ก่อนหิ้วตัวกลับเมืองสุพรรณ
นายโม่งรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง แต่อ้างไม่ทราบว่าหมวดโย่งเป็นตำรวจ เข้าใจว่าเป็นแค่นักเลงมาป่วนวงเหล้าเลยลงมือลั่นไกสังหาร
โดยอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นของนายสมโภชน์ ทองลิ้ม และหลังลงมือก็ซ้อนท้ายรถจยย.นายมนต์ชัย สนิทพันธ์ ไปยังท่ารถตู้โดยสาร ซึ่งทั้งคู่อยู่ร่วมเหตุการณ์ด้วย เจ้าหน้าที่จึงตามไปจับกุมตัวพร้อมยึดปืนที่ใช้ก่อเหตุได้ทั้งหมด