Advertisement
แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง แนะนำวิธีเช็กซิลิโคนแท้หรือปลอม หลังจากมีข่าวตำรวจบุกทลายโรงงานทำซิลิโคนเถื่อนที่โรงสีร้างใน จ.สุพรรณบุรี และพบว่ามีการส่งซิลิโคนไปยังคลินิกเสริมความงามหลายแห่ง
จากกรณีที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคจับมือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา บุกทลายโรงสีร้างใน อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ลักลอบผลิตซิลิโคนเถื่อน ส่งคลินิกเสริมความงามทั่วประเทศ
ล่าสุด นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง ผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลบางมด ได้แนะนำวิธีตรวจสอบ ซิลิโคนเสริมจมูก/เสริมคาง โดยระบุว่า ซิลิโคนแท่งที่ใช้ในการเสริมจมูก/คาง จะมี 2 รูปแบบ คือ
1.มาเป็นแผ่นใหญ่ แล้วให้ศัลยแพทย์นำไปตัดแบ่ง/เหลาเองในแต่ละเคส
ซึ่งการตรวจสอบกรณีนี้หากซิลิโคนมาแบบเป็นแผ่นใหญ่ ควรจะมี ชื่อบริษัท และเลข LOT/serial number อยู่ที่ package ของแผ่นใหญ่ ที่มาจากโรงงาน ซึ่งหากศัลยแพทย์ตัดแบ่งเป็นชิ้นย่อยๆ แล้วจะต้องนำซิลิโคนไป sterile ก่อนใช้ในการผ่าตัดแต่ละเคสแล้ว โดยใน pack sterile ย่อยๆ เหล่านั้น ควรจะต้องมีเลข LOT แยกออกมาในแต่ละชิ้นแบบชัดเจนด้วย
สิ่งที่สามารถตรวจสอบ หรือสอบถามจากทางคลินิก หรือโรงพยาบาล
– ชื่อยี่ห้อของซิลิโคนที่ใช้ (เป็นสิ่งสำคัญที่สุด)
– เลข LOT/serial number ที่มาใน package ใหญ่ ซึ่งในอดีต โรงพยาบาลหรือคลินิกอาจจะไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนนี้ไว้ ดังนั้นหากขอตรวจสอบย้อนหลังจะทำได้ลำบาก แต่หากคนที่ต้องการเสริมใหม่ ควรจะสามารถขอดูและตรวจสอบได้
2.แบบสำเร็จรูป ทำเป็นรูปทรงมาเรียบร้อยแล้ว
หากซิลิโคนนั้น ทำมาเป็นแบบสำเร็จรูป หมายถึงขึ้นรูปมาจากโรงงานแล้ว ส่วนมากจะแยกเป็น package ย่อยๆ และ sterile ไว้แล้ว ในกรณีเช่นนี้ จะมีเลข LOT หรือ serial number แยกมาในแต่ละชิ้น ซึ่งสิ่งที่สามารถตรวจสอบได้คือ ชื่อยี่ห้อซิลิโคน และเลข LOT/serial number ที่แยกมาเช่นเดียวกัน
นพ.ธนัญชัย ยังกล่าวอีกว่า ในกรณีถุงซิลิโคน สำหรับเสริมหน้าอก หรือเสริมก้น/สะโพก การตรวจสอบจะทำได้ง่ายกว่าซิลิโคนเสริมจมูกและคาง เพราะทางบริษัทจะมีกล่องแยกมาอย่างชัดเจน มีชื่อผลิตภัณฑ์ ขนาด เลข LOT/serial number ที่ชัดเจน และยังมี card หรือใบรับประกัน ทั้ง paper หรือ online ให้คนไข้เก็บไว้อีกด้วย
นอกจากนี้ นพ.ธนัญชัย ยังฝากย้ำเตือน เพื่อความปลอดภัยในการทำศัลยกรรมความงามควรตรวจสอบ และเลือกวัสดุที่ปลอดภัย มีมาตรฐานทางการแพทย์ และผ่าน อย. เท่านั้น และควรหาข้อมูลให้รอบด้าน เลือกศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ และโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ได้มาตรฐาน